Facebook Re-targeting คืออะไร และช่วยทำให้ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นได้อย่างไร? โดย CEOblog



หลังจากที่คุณได้เริ่มการสร้าง Content ลงบน Website และ Facebook เพื่อโปรโมทให้ผู้คนเห็นกันไปบ้างแล้ว แต่ยอดขายก็กลับยังไม่ได้ดั่งใจเท่าที่ควร เพราะในเมื่อได้โพสต์ Content ไปแล้ว แต่ทำไมยังขายสินค้าออนไลน์ไม่ได้
เพราะโดยปกติแล้วผู้คนทั่วไปนั้น จะยังไม่ซื้อสินค้าคุณในครั้งแรกที่ได้พบเจอแบรนด์ของคุณ เนื่องจากผู้คนเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่เปลี่ยนจากคนแปลกหน้าไปเป็นผู้เยี่ยมชม ซึ่งพวกเขาก็ยังไม่ได้เชื่อถือในแบรนด์คุณสักเท่าไหร่นัก รวมไปถึงพวกเขาอาจจะแค่อ่านและกดไลค์ Content ของคุณ แต่ยังไม่ถึงกับติดตามแบรนด์
และเช่นเดียวกัน หากกลุ่มผู้เยี่ยมชมเริ่มติดตามแบรนด์ของคุณ และรู้จักแบรนด์ของคุณเป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังไม่อุดหนุนสินค้าของคุณ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ ก็ต้องการ Content ที่แตกต่างกันออกไป จากบทความตอนเดิมที่แล้วว่า กลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณมีสถานะแตกต่างกันไป ดังนั้น Content ที่ใช้ ก็จำเป็นที่จะต้องมีความแตกต่างกันไปด้วย
  1. Strangers – คนแปลกหน้า ต้องการ Content ที่ให้ความรู้เป็นหลัก
  2. Visitors – ผู้เยี่ยมชม ต้องการ Content เกี่ยวกับกรณีศึกษาการแก้ไขปัญหา
  3. Leads – ผู้มุ่งหวังที่กำลังตัดสินใจที่ซื้อผลิตภัณฑ์ ต้องการ Content เกี่ยวกับรายละเอียดสินค้าและคุณค่าของสินค้าที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
  4. Customers – กลุ่มที่เป็นลูกค้าแล้ว ต้องการ Content ในด้านให้ความช่วยเหลือ การซับพอร์ทและการสานสัมพันธ์ รวมไปถึงขอเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าเก่า
  5. Promoters – คือกลุ่มลูกค้าเก่าของคุณที่พอใจในสินค้าหรือบริการของแบรนด์ แล้วเกิดการบอกต่อ ซึ่งหากคุณทำ Content ปรเภทรีวิวหรือกรณีศึกษาเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ในการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยินดีที่จะบอกต่อ
แต่ปัญหาก็คือ เราจะแยกได้อย่างไรว่า แต่ละคนบนโลกออนไลน์คือกลุ่มคนที่อยู่ในสถานะใด ยิ่งถ้าเป็นการโฆษณาแบบดั้งเดิม เช่นป้ายโฆษณา ทีวี วิทยุ หรือหนังสือพิมพ์ เราก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ใครกำลังเห็น Content ของเราอยู่ ซึ่งถ้าหากเราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าหรือผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เลย ก็จะไม่สามารถส่ง Content ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้ เพราะถ้าหากเราส่งข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าเก่า แต่ลูกค้าเก่าดันมองไม่เห็นข้อเสนอนี้ ก็จะกลายเป็นว่า แคมเปญโฆษณานี้ก็จะไม่ประสบความสำเร็จเป็นธรรมดา
แต่ในโลกของออนไลน์นั้น ในปัจจุบันมีเครื่องไม้เครื่องมือ ที่สามารถเก็บข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างละเอียด ว่าใครกำลังเสพย์ Content นั้นอยู่
ซึ่งเครื่องมือที่ว่านี้ก็คือ การทำ Facebook Re-targeting จะสามารถช่วยส่ง Content ของแบรนด์ไปยังกลุ่มคนที่เคยเข้ามาเยี่ยมชม Content ของคุณก่อนหน้านี้ได้ตรงกลุ่มได้อย่างแม่นยำ
ดังนั้นการทำ Re-targeting ก็จะหมายถึง การส่งข้อมูลที่เหมาะสมไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าของแบรนด์ให้มาก
หากคุณลองสังเกตหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอมือถือของคุณให้ดีว่า จะสังเกตได้ว่า หากคุณกดค้นหาสินค้าหรือบริการบางอย่าง หรือกดเยี่ยมชมโฆษณาของแบรนด์นั้น ๆ รวมไปถึงเคยเข้าไปอ่านบทความของเว็บไซต์นั้น ๆ แล้วจากนั้นเมื่อคุณได้ออกจากหน้าเว็บไซต์เหล่านั้น ไปเข้าเว็บไซต์อื่น ๆ คุณก็จะเจอกับโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ที่คุณพึ่งไปเยี่ยมชมมาเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณกำลังสนใจอยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้ซื้อเดี๋ยวนั้น และเมื่อคุณเจอโฆษณาบ่อยครั้งขึ้น จนกระทั่งคุณพร้อมที่จะจ่ายเงิน โฆษณาเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนเตือนความจำให้คุณว่า คุณเคยให้ความสนใจผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอยู่ และมันก็จะเพิ่มโอกาสในการซื้อขายเกิดขึ้นได้

เช่นเดียวกันกับ Facebook ที่มีฟังก์ชั่นการทำ Re-targeting ซึ่งหลักการทำงานก็จะมีด้วยกัน 4 ขั้นตอน ดังนี้
  1. กลุ่มเป้าหมาย (Prospect) เข้ามาเยี่ยมชม Content ที่เว็บไซต์ของคุณ ที่มีการติดตั้งโค้ด Facebook Re-targeting เอาไว้อยู่ (หรือที่เรียกว่า Facebook Pixel)
  2. จากนั้น Facebook จะเก็บข้อมูลของผู้เยี่ยมชมคน ๆ นั้นเอาไว้ในฐานข้อมูล
  3. เมื่อผู้เยี่ยมชมคนนั้น เปิดใช้งาน Facebook พวกเขาจะเห็นโฆษณาของแบรนด์คุณ แสดงบนหน้าจอของพวกเขา
  4. ซึ่งหากพวกเขายังสนใจสินค้าหรือบริการของแบรนด์คุณอยู่ พวกเขาก็จะคลิกที่โฆษณาบน Facebook เพื่อกลับมาเยี่ยมชม Content บนเว็บไซต์ของคุณอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในขั้นตอนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับเว็บไซต์ของคุณว่า มีประสิทธิภาพในการปิดการขายได้มากน้อยแค่ไหน
เมื่อคุณได้ทำความเข้าใจและประโยชน์ของการทำ Re-targeting แล้ว ในบทความต่อไป ผมจะพาทุก ๆ ท่านพาทำ Facebook Re-targeting อย่างละเอียดแบบจับมือทำทีละขั้นตอน ซึ่งผมเชื่อว่า มันจะช่วยให้ยอดขายของธุรกิจของคุณเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดตาม เพื่อไม่ให้พลาดบทความต่อ ๆ ไปด้วยนะครับผม แล้วเจอกันครับ

ที่มา เพจ CEOblog

สิ่งที่ได้จากบทความนี้

  • การโฆษณา ads Facebook แล้วผู้ที่เห็นโฆษณาเราครั้งแรกมักไม่ซื้อสินค้าเราทันที เนื่องจากยังไม่เชื่อถือมากนัก หรืออาจต้องการ Content ที่ต่างออกจากเดิม
  • Facebook สามารถแยกข้อมูลได้ว่าคนประเภทไหนกำลังติดตาม Content ไหนอยู่
  • Facebook Re-targeting จะสามารถช่วยส่ง Content ของแบรนด์ไปยังกลุ่มคนที่เคยเข้ามาเยี่ยมชม Content ของคุณก่อนหน้านี้ได้ตรงกลุ่มได้
  • การทำ Re-targeting ก็จะหมายถึง การส่งข้อมูลที่เหมาะสมไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าของแบรนด์ให้มากขึ้น
  • Facebook Re-targeting เป็นการส่งโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราสนใจหรือเคยติดตามหรือค้นหามาก่อนหน้า เป็นการเน้นน้ำความสนใจของเราและนำพาไปสู่การปิดยอดขาย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

“เปิดปั๊มน้ำมัน ปตท ลงทุนเท่าไหร่” กู้ที่ไหนได้บ้าง?

ประหยัดค่าไฟจากตู้เย็น ด้วยการตรวจสอบยางตู้เย็นแบบง่ายๆ

มาม่า ยำยำ ไวไว ใครขายดีสุด? / โดย เพจลงทุนแมน