กฎ 25 ข้อของ ปีเตอร์ ลินช์ โดย Buanluang Securities


ผมเพิ่งได้มีโอกาสกลับมาอ่านหนังสือที่มีชื่อว่า “Beating the Street” ซึ่งในนั้นมีบทสรุปการลงทุนของผู้จัดการกองทุนระดับตำนานอย่างปีเตอร์ ลินช์ (Peter Lynch) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการบริหารกองทุนให้กับ Fidelity Magellan ซึ่งประวัติการลงทุน สไตล์การเลือกหุ้น ผมจะขอยกมาเล่าให้ฟังอีกครั้งในโอกาสหน้า แต่วันนี้…จะมีบางช่วงบางตอนของหนังสือ ที่เกี่ยวกับกฎ 25 ข้อ ของการลงทุนในหุ้นครับ

1. การลงทุนเป็นเรื่องที่สนุก ตื่นเต้น (โดยเฉพาะเวลากำไร) แต่ก็เป็นเรื่องที่อันตรายมากหากลงทุนแล้วคุณไม่ทำอะไรเลย ไม่ได้ตามข่าวสาร ไม่ได้ศึกษาตัวบริษัท ไม่ได้มานั่งเปรียบเทียบกองทุน ทำเพียงแค่ “ซื้อ … เพราะราคามันขึ้น” แบบนี้การลงทุนนั้นก็พร้อมจะ “ปล้น” เงินของคุณไปทันที

2. แค่คุณลงทุนในบริษัทที่คุณรู้จักและเข้าใจเป็นอย่างดี คุณก็สามารถชนะบรรดากูรู และตลาดหุ้นได้อย่างง่ายดาย

3. คุณสามารถเอาชนะตลาดหุ้นได้ง่าย ๆ เพียงแค่อยู่ห่าง ๆ จากฝูงชน เพราะการอยู่ท่ามกลางความเห็นของคนหลาย ๆ คน คุณอาจสูญเสียความเป็นตัวตน และทำอะไรที่มันดูไร้เหตุผลไปในที่สุด

4. เบื้องหลังหุ้นทุกตัวคือบริษัท และทุกบริษัททำธุรกิจ … คุณแค่ต้องไปดูว่าเขาทำมาหากินยังไง ได้เงินมาจากไหน อะไรคือว่าเสี่ยง และอะไรที่จะทำให้บริษัทนั้นเติบโต

5. ราคาหุ้น จะขึ้นตามกำไรของบริษัท แม้จะมีหลายครั้งที่กำไรเติบโตสวนทางกับราคา แต่เชื่อเถอะ…ถ้ากำไรมันโตจริง ๆ  สุดท้ายยังไงราคาก็ต้องขึ้น

6. คุณต้องรู้ว่าคุณซื้อหุ้นอะไร เพราะอะไร ทำไมถึงซื้อ ไม่ใช่ซื้อแค่เพราะคิดว่ามันกำลังจะขึ้น

7. บริษัทที่กำลังจะมีปัญหา มักจะเริ่มด้วยคำว่า “ผิดคาด”

8. หุ้นในพอร์ต ก็เหมือนลูก … มีเยอะไปก็ไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนมือใหม่ ที่ควรมีหุ้นอยู่ในพอร์ตซัก 5 บริษัทก็พอ เพราะคุณจะได้มีเวลาติดตามความเปลี่ยนแปลงของมัน

9. ถ้าเลือกหุ้นดี ๆ ที่ถูกใจไม่ได้ ก็จงฝากเงินไว้ในแบงค์ (กรุงเทพ … อันนี้ผมเติมเอง 555+)

10. อย่าลงทุนถ้ายังไม่ได้ดูงบ เพราะหลายครั้งเรามักจะขาดทุนหนัก ๆ กับบริษัทที่มีงบการเงินไม่แข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจงบการเงิน ก่อนที่คุณจะเอาเงินที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรงของคุณไปเสี่ยงกับมัน

11. หนีให้ห่างจากหุ้นร้อน ที่ในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรงและบริษัทยอดเยี่ยมในอุตสาหกรรมยอดแย่ มักเป็นบริษัทที่สร้างผลตอบแทนได้ดีเสมอ

12. ถ้าอยากซื้อหุ้นเล็ก … รอให้มันมีกำไรก่อน

13. ถ้าคุณกำลังจะซื้อในอุตสาหกรรมที่มีปัญหา … จงซื้อหุ้นที่มีความสามารถในการอยู่รอด และควรจะรอให้อุตสาหกรรมมีสัญญาณในการฟื้นตัวก่อน

14. ถ้าซื้อหุ้น 1,000 บาท โอกาสขาดทุนคือ 1,000 บาท แต่โอกาสที่จะทำกำไรเป็น 10,000 บาท 50,000 บาทได้ หากคุณอดทน และให้เวลากับมันพอ

15. นักลงทุนรายย่อย … มักจะหาหุ้นชั้นยอด … ได้ก่อนนักลงทุนชั้นเยี่ยม หรือบรรดากูรูต่าง ๆ เสมอ และมันไม่ได้เป็นแบบนี้เฉพาะกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่มันเกิดขึ้นกับทุกตลาด…ทั่วโลก!

16. เหตุการณ์หุ้นตกหนัก … เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำไม่ต่างจากฝนเดือนตุลา หากคุณเตรียมพร้อมไว้ มันก็จะไม่สามารถทำอะไรคุณได้ กลับกันมันเป็นโอกาสในการลงทุนสำหรับคนที่เข้าใจและพร้อมเสมอ (อันนี้ผมดัดแปลงจากต้นฉบับ ที่ยกตัวอย่างเหตุการณ์พายุเฮอริเคนมานะครับ)

17. ไม่ว่าใครก็สามารถมีความรู้พอที่จะทำกำไรในหุ้น … แต่น้อยคนนักที่จะมีอารมณ์มั่นคงพอที่จะไม่ตื่นตระหนก และหากคุณรู้ตัวว่าคุณเป็นนักลงทุนประเภทเมื่อเจอข่าวร้ายจะรีบแห่ขายทุกอย่างออกจากพอร์ต … เลิกเล่นหุ้นละมาซื้อกองทุนซะ

18. มันมักจะมีเรื่องให้เราได้ตื่นตระหนกเสมอ … จงขายหุ้นแค่เพราะเวลาที่พื้นฐานมันเปลี่ยน หรือขายตอนที่บริษัทเริ่มจะถอยหลังลงคลอง ไม่ใช่ขายเพราะว่าหุ้นทั้งตลาดกำลังถล่มลงมา

19. ไม่มีใครที่จะคาดการณ์สิ่งต่าง ๆ ในตลาดหุ้นได้ถูกหมด … หยุดฟังคนอื่น และเริ่มเชื่อตัวเอง จากนั้นก็เดินหน้าศึกษาบริษัทที่เราสนใจ

20. หุ้นดี ๆ มีอยู่เสมอ … คุณแค่ต้องหามันให้พบ

21. ถ้าซื้อหุ้นโดยไม่ศึกษาอะไรเลย … มันก็ไม่ต่างจากคนเล่นไพ่ที่ไม่ได้ดูไพ่

22. เวลาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ พยายามลงทุนเพื่อระยะยาวไว้

23. ถ้าคุณอยู่ในสภาวะอารมณ์ไม่มั่นคง อย่าซื้อหุ้น แต่จงซื้อกองทุนที่เขาเลือกหุ้นให้แล้ว

24. ตลาดหุ้นในประเทศ ไม่ได้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ตลอดทุกปี คุณควรหาโอกาสในการไปลงทุนยังต่างประเทศ ผ่านกองทุนรวม และกระจายความเสี่ยงไว้บ้าง

25. ในระยะยาวแล้ว หุ้นสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดแต่ถ้าหลับหูหลับตาเลือกหุ้น บางทีการเอาเงินใส่ไว้ใต้หมอนอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ

 ปริพรรห์ ปริยอุดมทรัพย์ AFPT™ , นักวางแผนการลงทุน
(หนังสือต้นฉบับ และฉบับแปลไทย)
cvr9780743541893_9780743541893_hr-horz

ที่มา Bualuang Securities

สิ่งที่ได้จากบทความนี้

  • การลงทุนควรศึกษาและทำการบ้านตลอดเวลา ไม่ใช่เพียงการซื้อๆขายๆเพียงอย่างเดียว
  • การลงทุนในบริษัทควรมีความเข้าใจมันเป็นอย่างดี
  • การลงทุนนั้นบางครั้งก็ควรอยู่ที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ
  • ราคาหุ้นสุดท้ายแล้วจะขึ้นตามกำไรของบริษัท
  • การซื้อหุ้นควรมีเหตุผลรองรับเสมอ
  • บริษัทที่เริ่มมีปัญหามักจะเริ่มจากคำว่า ผิดคาด
  • การซื้อหุ้นต้องควรดูงบการเงินควบคู่ด้วย
  • จงขายหุ้นเมื่อพื้นฐานเปลี่ยนเท่านั้น ไม่ใช่เพราะอารมณ์หรือความตื่นตระหนก
แล้วคุณล่ะ ได้อะไรจากบทความนี้ มาแชร์กันนะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

“เปิดปั๊มน้ำมัน ปตท ลงทุนเท่าไหร่” กู้ที่ไหนได้บ้าง?

ประหยัดค่าไฟจากตู้เย็น ด้วยการตรวจสอบยางตู้เย็นแบบง่ายๆ

มาม่า ยำยำ ไวไว ใครขายดีสุด? / โดย เพจลงทุนแมน